เป็นโรคที่เกิดในช่วงใบอ่อนหรือช่วงที่พืชอ่อนแอ เช่น ในสภาพพื้นที่ขาดน้ำในฤดูแล้ง โดยเฉพาะในช่วงติดผลของทุเรียน
โดยปกติแล้วเชื้อราสาเหตุของโรคจะอาศัยอยู่ในเศษซากใบทุเรียนที่หล่นลงมาอยู่บริเวณใต้โคนทุเรียน เมื่อเวลาฝนตกเชื้อราจะกระเด็นและสามารถติดกันได้ เมื่อเชื้อราเข้าทำงานที่ใบแล้วจะสร้างเส้นใยลุกลามและแพร่กระจายขยายพันธุ์ไปยังส่วนต่างๆของพืช
ควรตัดแต่งกิ่งทุเรียนให้มีความเหมาะสมให้จำนวนกิ่งไม่หนาแน่จนเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อรา ในช่วงทุเรียนแตกใบอ่อนควรหมั่นสำรวจอาการของโรค หากพบโรคควรตัดกิ่งที่เป็นโรคออก และรวบรวมเศษใบเป็นโรคที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณโคนต้น แล้วนำไปเผาทำลายเพื่อลดปริมาณเชื้อโรคในแปลงปลูกให้น้อยลง
เป็นโรคที่เกิดในช่วงใบอ่อนหรือช่วงที่พืชอ่อนแอ เช่น ในสภาพพื้นที่ขาดน้ำในฤดูแล้ง โดยเฉพาะในช่วงติดผลของทุเรียน
โดยปกติแล้วเชื้อราสาเหตุของโรคจะอาศัยอยู่ในเศษซากใบทุเรียนที่หล่นลงมาอยู่บริเวณใต้โคนทุเรียน เมื่อเวลาฝนตกเชื้อราจะกระเด็นและสามารถติดกันได้ เมื่อเชื้อราเข้าทำงานที่ใบแล้วจะสร้างเส้นใยลุกลามและแพร่กระจายขยายพันธุ์ไปยังส่วนต่างๆของพืช
ควรตัดแต่งกิ่งทุเรียนให้มีความเหมาะสมให้จำนวนกิ่งไม่หนาแน่จนเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อรา ในช่วงทุเรียนแตกใบอ่อนควรหมั่นสำรวจอาการของโรค หากพบโรคควรตัดกิ่งที่เป็นโรคออก และรวบรวมเศษใบเป็นโรคที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณโคนต้น แล้วนำไปเผาทำลายเพื่อลดปริมาณเชื้อโรคในแปลงปลูกให้น้อยลง
เป็นโรคที่เกิดในช่วงใบอ่อนหรือช่วงที่พืชอ่อนแอ เช่น ในสภาพพื้นที่ขาดน้ำในฤดูแล้ง โดยเฉพาะในช่วงติดผลของทุเรียน
โดยปกติแล้วเชื้อราสาเหตุของโรคจะอาศัยอยู่ในเศษซากใบทุเรียนที่หล่นลงมาอยู่บริเวณใต้โคนทุเรียน เมื่อเวลาฝนตกเชื้อราจะกระเด็นและสามารถติดกันได้ เมื่อเชื้อราเข้าทำงานที่ใบแล้วจะสร้างเส้นใยลุกลามและแพร่กระจายขยายพันธุ์ไปยังส่วนต่างๆของพืช
เชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides
ควรตัดแต่งกิ่งทุเรียนให้มีความเหมาะสมให้จำนวนกิ่งไม่หนาแน่จนเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อรา ในช่วงทุเรียนแตกใบอ่อนควรหมั่นสำรวจอาการของโรค หากพบโรคควรตัดกิ่งที่เป็นโรคออก และรวบรวมเศษใบเป็นโรคที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณโคนต้น แล้วนำไปเผาทำลายเพื่อลดปริมาณเชื้อโรคในแปลงปลูกให้น้อยลง